| 
                       กรุงเทพฯ – อุดรธานี – เวียงจันทน์ – วังเวียง – หลวงพระบาง  4 วัน 3 คืน | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            
              กรุงเทพฯ – อุดรธานี  – เวียงจันทน์ – วังเวียง – หลวงพระบาง  4 วัน 3 คืน 
            สายการบินไทย (TG)  -  รถปรับอากาศ  -  สายการบินไทย (TG)  | 
          
          
            | กำหนดการเดินทาง  | 
            18-21 มิ.ย.  // 4-7 ก.ค. 52  | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            | วันแรกของการเดินทาง	กรุงเทพฯ – อุดรธานี – เวียงจันทน์ – วังเวียง  | 
          
          
            | 08.00 น.        | 
            คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์เช็คกรุ๊ป การบินไทย (TG) | 
          
          
            | 09.25 น.    | 
            นำท่านออกเดินจากกรุงเทพฯ  สู่ จ.อุดรธานี ด้วย เที่ยวบินที่ TG1002 | 
          
          
            | 10.30 น.      | 
            เดินทางถึง สนามบิน จ.อุดรธานี นำท่านเดินทางโดยรถปรับอากาศ สู่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย  
ผ่านขั้นตอนพิธีการตรวจคนเข้าออกเมืองเป็นที่เรียบร้อย เดินทางข้ามสะพานสู่ นครเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสปป.ลาว  
จากนั้นนำท่านสักการะ วัดพระธาตุหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประตูชัย เป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของประเทศลาว  
เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติลาว มีความหมายต่อจิตใจของประชาชนชาวลาวอย่างใหญ่หลวง แทนถึงความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตย 
ของลาว สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะโดดเด่นที่สุดในอาณาจักรล้านช้าง เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมใน 
พระพุทธศาสนากับสถาปัตยกรรมของลาวมีลักษณะคล้ายป้อมปราการ การก่อสร้างระเบียงสูงใหญ่ขึ้นโอบล้อมองค์พระธาตุไว้พร้อมกับ 
ทำช่องหน้าต่างเล็กๆ เอาไว้โดยตลอด ประตูทางเข้าเป็นบานประตูไม้ใหญ่ลงรักสีแดงรอบๆ องค์พระธาตุยังมีเจดีย์บริวารล้อมอยู่โดยรอบ  
นำท่านชม อนุสาวรีย์ประตูชัย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของนครเวียงจันทน์บนถนนล้านช้างจะไปสิ้นสุดที่บริเวณประตูชัยสร้างเสร็จ 
ในปี พ.ศ.2512 เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวที่สละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติพรรคคอมมิวนิสต์  
ประตูชัยมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า รันเวย์แนวตั้ง เพราะการก่อสร้างนี้ใช้ปูนซีเมนส์จากประเทศอเมริกาที่ซื้อมาเพื่อสร้างสนามบินใหม่ 
ในเวียงจันทน์ในระหว่างสงครามอินโดจีนแต่พ่ายเสียก่อนจึงได้นำมาสร้างประตูชัยแทน เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะ 
ล้านช้างกับฝรั่งเศสเข้าด้วยกันอย่างงดงาม | 
          
          
            | กลางวัน | 
            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารแม่โขง  (เมืองเวียงจันทน์)    | 
          
          
            | บ่าย | 
            นำท่านเข้าชม หอพระแก้ว ตั้งอยู่บนถนนเชษฐาธิราชติดกับทำเนียบประธานประเทศ  แต่เดิมเป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ของลาวพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเมื่อปี  พ.ศ.2108 เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากล้านนา  ปัจจุบันเป็นหอพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระแท่นราชบัลลังก์ปิดทองจารึกพระไตรปิฎกภาษาขอมและกลองสำริดประจำราชวงศ์ของลาว  และรวบรวมศิลปะโบราณวัตถุล้ำค่าของลาวไว้ที่นี่ แล้วนำท่านข้ามถนนอีกฝั่งไปชม วัดสีสะเกด ตั้งอยู่บนถนนเชษฐาราช ตรงข้ามกับหอพระแก้ว เจ้าอนุวงศ์ทรงสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2361  เป็นสถาปัตยกรรมแบบของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นวัดที่เก่าที่สุดในนครเวียงจันทน์  ผนังด้านในของระเบียงที่ล้อมรอบพระอุโบสถไว้มีการเจาะเป็นซุ้มเล็กๆ  สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปเงินและพระพุทธรูปดินเผามากกว่า 2,000 องค์  สำหรับระเบียงด้านตะวันตกเป็นที่เก็บรวบรวมเศษชิ้นส่วนของพระพุทธรูป  ด้านหลังของพระอุโบสถมีรางไม้รูปทรงคล้ายพญานาคใช้เป็นรางสำหรับสรงน้ำพระในเทศกาลสงกรานต์  ด้านซ้ายมือเป็นหอไตรสร้างตามแบบอย่างแบบศิลปะพม่า  ปัจจุบันวัดนี้ใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชของลาว เดินทางขึ้นเหนือสู่ เมืองวังเวียง (ห่างจากเวียงจันทน์ 156 กม) เมืองวังเวียง เป็นเมืองธรรมชาติสวยสดงดงาม อากาศเย็นสบาย  ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำซองล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง  มองเห็นสายน้ำกว้างสลับกับเนินทราย โดยมีเทือกเขาหินปูนเป็นฉากหลัง  วังเวียงได้ฉายาว่า กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว              | 
          
          
            | ค่ำ  | 
            รับประทานอาหารค่ำ ณ  ร้านอาหารนางบด หลังอาหารเข้าสู่ที่พัก Thaveesouk Resort  หรือ  เทียบเท่า | 
          
          
            |   | 
          
          
             | 
          
          
            |   | 
          
          
          
            | วันที่สองของการเดินทาง	วังเวียง  - หลวงพระบาง  (เมืองมรดกโลก) | 
          
          
            | เช้า | 
            รับประทานอาหารเช้า ณ  ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่เมืองหลวงพระบาง  ระยะทาง 210 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะได้ผ่านหมู่บ้านไม้นานาพันธุ์  ขุนเขาหลายสิบลูก เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันงดงาม การทำนาขั้นบันได  และหมู่บ้านชนเผ่าต่างๆของลาว ผ่านเมือง กาสี พูคูณ และเชียงเงิน เส้นทางสายนี้ถือว่าเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดเส้นทางหนึ่งในเอเชียอาคเนย์ | 
          
          
            | กลางวัน | 
            รับประทานอาหารกลางวัน ณ  ร้านอาหารเทพบุบผา | 
          
          
            | บ่าย | 
            เดินทางสู่ พระราชวังเก่า (Royal   Palace Museum) เป็นวังที่เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ทรงประทับอยู่ที่นี่จนสิ้นพระชนม์  เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2518 พระราชวังก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็น  พิพิธภัณฑ์ประกอบด้วย หอฟังธรรม ห้องรับแขกของเจ้ามหาชีวิตและพระมเหสี  ห้องท้องพระโรง  ทางด้านหลังก็เป็นพระตำหนักซึ่งมีเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆจัดเก็บไว้เป็นระเบียบเรียบง่าย  และนำท่านนมัสการ หอพระบาง ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของหลวงพระบาง  เป็นพระพุทธรูปประทับยืน ปรางค์ห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปศิลปะขอมสมัยหลังบายน  น้ำหนัก 54 กก.  ประกอบด้วยทองคำ 90% และยังมีพระพุทธรูปนาคปรกสลักศิลาศิลปะขอมอีก  4 องค์ประดิษฐานอยู่ เดินทางไปยังหลัง จากนั้นตรงข้ามพระราชวังนำท่านเดินขึ้นบันได  328 ขั้นสู่ พระธาตุภูษี (Phou Si Mountian) สองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นดอกจำปา  ภูษีนี้ หมายถึง “ภูศรี” คือเป็นศรีของเมืองหลวงพระบางนั่นเอง  ตั้งโดดเด่นกลางใจเมืองมีจุดชมวิวก่อนถึงยอดพระธาตุ มองเห็นวัด บ้านเรือน  ทอดยาวขนานกับแม่น้ำโขงจรดปากแม่น้ำคาน ยอดสูงสุดของภูษี อยู่บนพื้นที่ราบแคบๆ  ตัวพระธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมทาสีทอง  ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร  จะสวยมากในยามบ่ายแก่ๆ แบบนี้แสงแดแจะส่ององค์พระธาตุเป็นสีทองสุกปลั่ง  มีทางเดินรอบองค์พระธาตุ สามารถชมทิวทัศน์ตัวเมืองหลวงพระบางได้              | 
          
          
            | ค่ำ  | 
            รับประทานอาหารค่ำ ณ  ร้านอาหารอินโดชัยน่า หลังอาหารให้ท่านเดินเที่ยวชม ถนนข้าวเหนียว ของเมืองหลวงพระบาง หรือ ตลาดมืด ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองเป็นที่ระลึก จากนั้นเข้าสู่ที่พัก New Daraphet Hotel หรือ เทียบเท่าระดับ 3 ดาว | 
          
          
          
            |   | 
          
          
          
            | วันที่สามของการเดินทาง	หลวงพระบาง  (เมืองมรดกโลก) | 
          
          
            | เช้า | 
            ตื่นเช้าซักหน่อยไปร่วม ทำบุญ-ตักบาตร กับชาวหลวงพระบาง ทุกๆเช้าชาวหลวงพระบางทุกบ้านจะพากันออกมานั่งรอตักบาตรพระสงฆ์ 
              ที่เรียงแถวเดินมาตามถนนเป็นร้อยๆรูป ซึ่งเป็นภาพยามเช้าที่มีชีวิตชีวาของหลวงพระบางโดยสะท้อนถึงวิถีชีวิตของสังคมอันสงบสุขและ 
            ความเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนาที่หยั่งรากลึกลงในวัฒนธรรมของชาวล้านช้าง แวะเที่ยว ตลาดเช้า ของหลวงพระบาง | 
          
          
            |   | 
            รับประทานอาหารเช้า ณ  ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก นำท่านลงเรือเดินทางชมวิวทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขงสู่ ถ้ำติ่ง (Ting Cave) ซึ่งเป็นถ้ำอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำโขงมีอยู่  2 ถ้ำ คือ ถ้ำล่างและถ้ำบน ถ้ำติ่งลุ่มหรือถ้ำล่างสูง 60 เมตรจากพื้นน้ำ มีลักษณะเป็นโพรงน้ำตื้นๆ  มีหินงอกหินย้อย มีพระพุทธรูปไม้จำนวนนับ 2,500 องค์  ส่วนใหญ่จะเป็นพระยืนมีทั้งปางประทานพรและปางห้ามญาติ ถ้ำติ่งบน  จะไปทางแยกซ้ายเดินขึ้นบันไดไป 218 ขั้น  ปากถ้ำไม่ลึกมากมีพระพุทธรูปอยู่ในถ้ำแต่ไม่มากเท่าถ้ำล่าง  สมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง  ต่อมาพระเจ้าโพธิสารทรงเลื่อมใสพระพุทธศาสนาเป็นผู้นำพระพุทธรูปเข้ามา และจึงทรงใช้ถ้ำติ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา  แล้วล่องเรือกลับ ก่อนถึงตัวเมืองหลวงพระบางแวะ บ้านช่างไห ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำโขงมีอาชีพในการหมักสาโทและต้มเหล้าขาวจำหน่ายและเป็นแหล่งรวมสินค้าพื้นเมืองจำพวก  ผ้าทอลวดลายสวยงามมากมาย เครื่องเงิน วางจำหน่ายอย่างเป็นระเบียบ  ชมความร่วมมือของชาวบ้านที่ได้จัดแต่งลานบ้านอย่างสวยงามเพื่อรอรับนักท่องเที่ยว  ได้เวลาพอสมควรลงเรือเดินทางกลับสู่ตัวเมืองหลวงพระบาง | 
          
          
          
            | กลางวัน | 
            รับประทานอาหารกลางวัน ณ  ร้านอาหารวิชุน | 
          
          
            | บ่าย | 
            นำเดินทางผ่านหมู่บ้านชนบท  ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านสู่ น้ำตกตาดกวงชี (Kuang Xi  Waterfall) ห่างจากหลวงพระบาง 30 กิโลเมตร  ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในเขตหลวงพระบาง ชมความงามของน้ำตกที่ตกลดหลั่นเป็นชั้นๆ  อย่างสวยงามแต่ละชั้นเกิดจากการผสมของหินปูนสูงราว 70 เมตร มี 2 ชั้น  สภาพป่าร่มรื่น มีสะพานและเส้นทางเดินชมรอบๆ น้ำตก  จากนั้นนำท่านเดินทางกลับหลวงพระบาง โดยแวะช้อปปิ้งผ้าพื้นเมืองที่ บ้านผานม เป็นหมู่บ้านชาวไทลื้อ  มีฝีมือในการทอผ้าอย่างสวยงาม อดีตเป็นแหล่งทอผ้าถวายแด่เจ้ามหาชีวิต  ปัจจุบันผ้าทอจากบ้านผานมนี้มีชื่อเสียงมาก และมีการรวมกลุ่มตั้งเป็นศูนย์หัตถกรรมแสดงสินค้า  และยังมีการสาธิตให้ท่านชมด้วย นำท่านเที่ยวชม วัดเชียงทอง (Xieng  Thong Temple) เป็นวัดหลวงคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปเวียงจันทน์  และยังได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์และเจ้าชีวิตศรีสว่างวงศ์วัฒนา  กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของลาว  บริเวณที่ตั้งของวัดอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองหลวงพระบาง ใกล้บริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกันกับแม่น้ำโขง  มีพระอุโบสถหรือภาษาลาวเรียกว่า “สิม” เป็นหลังไม่ใหญ่โตนัก  หลังคาพระอุโบสถแอ่นโค้งและลาดต่ำลงมาก ซ้อนกันอยู่ 3 ชั้น เป็นศิลปะแบบหลวงพระบาง  ส่วนกลางมี ช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อ ซึ่งเป็นที่สังเกตกันว่า เป็นวัดที่พระมหากษัตริย์สร้างขึ้นจึงมี  17 ขั้น ส่วนสามัญจะสร้างกันแค่ 1-7 ช่อ เชื่อกันว่าจะเก็บของมีค่าไว้ในนั้นด้วย  ส่วนหน้าบัน หรือภาษาลาวว่า “โหง่”  เป็นรูปเศียรนาค  ความงามของวัดอยู่ที่ความสงบสง่าสะอาดมีการวางผังออกแบบและบำรุงรักษาอย่างดี นำท่านเข้าชม วัดวิชุนราช (Visounnarath Temple) สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวิชุนราช ในปี พ.ศ. 2046  สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเวียงคำ  มีเจดีย์ปทุมหรือพระธาตุดอกบัวใหญ่  วัดนี้มีพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่รูปทรงคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง ทำให้ชาวลาวเรียกกันว่า พระธาตุหมากโม เป็นทรงโอคว่ำ  ยอดพระธาตุลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูปแบบลังกาหรือสุโขทัย  เจดีย์นี้อาจดูทรุดโทรมมากแม้จะมีการปฏิสังขรณ์มา 2 ครั้งแล้วในปี พ.ศ.2402 ในสมัยพระเจ้าสักกรินทร์  (คำสุก) ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์  ได้โปรดให้มีการบูรณะใหม่และได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2457  ในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ได้ค้นพบโบราณวัตถุมีค่ามากมาย เช่น  เจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปหล่อสำริด พระพุทธรูปทองคำ  ปัจจุบันนำไปเก็บไว้ในหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ในพระราชวังหลวงจนปัจจุบัน | 
          
          
            | ค่ำ  | 
            รับประทานอาหารค่ำ  ณ ร้านอาหารมีชัยผล เข้าพัก New Daraphet Hotel หรือ เทียบเท่าระดับ 3  ดาว | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            |  วันที่สี่ของการเดินทาง	หลวงพระบาง - เวียงจันทน์ – หนองคาย – อุดรธานี - กรุงเทพฯ | 
          
          
            | เช้า        | 
            รับประทานอาหารเช้า ณ  ห้องอาหารของที่พัก หลังอาหารออกเดินทางไปยัง เวียงจันทน์  ตามเส้นทางเดิม (เส้นทางวังเวียง) ในบรรยากาศใหม่ | 
          
          
            | เที่ยง | 
            รับประทานอาหารกลางวัน ณ  ร้านอาหารนางบด หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่เมืองเวียงจันทน์  ก่อนข้ามด่านกลับประเทศไทย ให้ท่านได้ ช้อปปิ้ง สินค้าปลอดภาษี (Duty Free) เพื่อได้เป็นของฝากก่อนเดินทางกลับเมื่อได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางต่อสูสะพานมิตรภาพ  ไทย-ลาว จ.หนองคาย  ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าปลอดภาษี  ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน จ.อุดรธานีเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ | 
          
          
            | 20.25 น. | 
            ออกเดินทางกลับกรุงเทพโดย เที่ยวบินที่ TG 1015  | 
          
          
            | 21.25 น. | 
            เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ   | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            อัตราค่าบริการต่อท่าน  
              ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2-3 ท่าน     ท่านละ		16,900.-	 บาท 
              เด็ก อายุต่ำกว่า 12 ปี (มีเตียงเสริม)		15,900.-	 บาท  
              เด็ก อายุต่ำกว่า 12 ปี (ไม่มีเตียงเสริม)		14,900.-	 บาท 
              พักห้องเดี่ยวเพิ่ม                     ท่านละ		   3,000.- บาท 
              อัตรานี้รวม  : 
              ค่าตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพฯ-อุดรธานี-กรุงเทพฯ สายการบินไทย (TG) 
              ค่าที่พักโรงแรม 3 คืน ตามโรงแรมที่ระบุในรายการ หรือเทียบเท่า 
              ค่ายาพาหนะนำเที่ยวในประเทศลาว ตามเส้นทางที่ระบุไว้ในรายการ  
              ค่าเรือล่องถ้ำติ่ง 
              ค่าอาหารทุกมื้อ ตามที่ระบุในรายการ 
              ค่าใช้จ่ายของมัคคุเทศก์ท้องถิ่น (บรรยายไทย) นำเที่ยวตามรายการ 
              ค่าอากรท่องเที่ยวลาว 
              ค่าเที่ยวชมสถานที่ตามที่ระบุในรายการ 
               
                อัตรานี้ไม่รวม : 
                ค่าวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ (อัตราตามสถานทูตกำหนด) 
                ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าอาหาร-เครื่องดื่ม นอกเหนือจากรายการ, ค่าซักรีด, ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น 
                ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีท่องเที่ยว (หากมีการเรียกเก็บ) 
              ค่าข้าวเหนียวใส่บาตรตอนเข้า  
               
                 เอกสารประกอบการเดินทาง  
                •	หนังสือเดือนที่ที่มีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน (นับจากวันเดินทาง)  
                •	และมีหน้าว่างเหลือมากกว่า 2 หน้า 
                บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับราคาอันเนื่องมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้ 
                •	อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน 
                •	บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อการปฏิเสธออกนอกประเทศ / ห้ามเข้าประเทศลาว / การนำสิ่งของผิดกฎหมาย / เอกสารการ 
                •	เดินทางไม่ถูกต้องและความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย  
                •	การไม่รับประทานอาหารบางมื้อ ไม่เที่ยวตามรายการ ไม่สามารถขอหักค่าบริการคืนได้  เพราะเป็นการเหมาจ่ายทั้งหมดทั้งนี้บริษัท จะยึดถือความสำคัญของลูกค้าเป็นหลัก 
                
  | 
          
          
            |   | 
          
          
            | 
  |